TESTER LAN With USB สีน้ำเงิน รายละเอียดสินค้า - ใช้สำหรับทดสอบการเชื่อมต่อของสายนำสัญญาณในระบบเครือข่าย - ตรวจสอบข้อผิดพลาดในการเดินสาย 5E, 6E, คู่สายและสายโทรศัพท์ - ค้นหาจุดที่ผิดพลาดในการเดินสายแลน หรือการเชื่อมต่อระบบเน็ตเวิร์ค - รองรับการทดสอบสายแลน UTP / STP / T568A / T568B / Token Ring - รองรับการทดสอบสายโทรศัพท์ RJ-45, RJ-11, RJ-12 วิธีการใช้งานเบื้องต้น เครื่องทดสอบสาย GLINK Network Cable Tester 1. เบื้องต้นตัวเครื่องจะมีสวิตช์ด้านหน้าอยู่สองปุ่ม - สวิตช์แรก POWER ON-OFF เป็นสวิตช์ที่ใช้เปิด-ปิดตัวเครื่อง - สวิตช์ที่สอง TEST ON-OFF เป็นสวิตช์ที่กดเพื่อเริ่มทดสอบ-หยุดทดสอบ 2. เมื่อเราเปิดเครื่องทดสอบแล้วนำสายที่ต้องการจะทดสอบ มาเสียบที่เครื่องทดสอบทั้งสองข้างเรียบร้อย 3. หลังจากนั้นเริ่มการทดสอบโดยกดปุ่ม TEST ON-OFF 4. แล้วดูผลทดสอบจากสถานะหลอดไฟ LED ซึ่งหลอดไฟของเครื่องทดสอบนี้ จะเป็นแบบสองสีในหลอดเดียว คือ สีเขียวกับสีแดง 5. ไฟแสดงสถานะการทำงาน มีดังนี้ - หลอดไฟแสดงสีเขียว - สถานะปกติ คือขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกันไม่ขาดและไม่ช็อต - หลอดไฟแสดงสีแดง - สถานะผิดปกติ คือช็อตหรือขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกันแต่ไม่ถูกคู่สาย ต้องแก้ไข - หลอดไฟไม่ติด - สถานะสายขาด คือขั้วต่อหัวท้ายต่อไม่ถึงกันไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม ต้องแก้ไข 6. หลอดไฟที่เขียนว่า GND เป็นหลอดที่ใช้ในการทดสอบสาย STP - หลอดไฟไม่ติด - สถานะสาย UTP (ปกติ) - หลอดไฟติดสีเขียว - สถานะสาย STP (แต่ถ้าสายที่ทดสอบเป็นสาย STP แล้วไม่ติด แสดงว่า สายกราวด์ต่อไม่ถึงกันหัวท้าย ต้องแก้ไข) 7. เมื่อทดสอบดูสถานะหลอดไฟแล้ว สุดท้ายต้องดูการเรียงลำดับของหลอดไฟ - ถ้าหลอดไฟติดเรียงกันไปตามลำดับ เช่น 1&2 3&6 4&5 7&8 แสดงว่าเข้าหัวถูกต้อง ขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกัน - ถ้าหลอดไฟติดเรียงลำดับกระโดด เช่น 1&2 4&5 3&6 7&8 แสดงว่าต่อสายแบบไขว้ (Cross) นั้นเอง - ถ้าหลอดไฟติดนอกเหนือกว่านี้ แสดงว่าเข้าหัวผิด 8. นอกจากนี้ยังนำเครื่องไปทดสอบกับสายโทรศัพท์ที่ใช้หัวต่อ RJ11, RJ12 ได้อีกด้วย แต่หลอดไฟบางหลอดจะหายไปตามจำนวนสายที่เหลือ เช่น RJ11 สาย 4 เส้นจะเหลือแค่ 3&6 4&5 เป็นต้น
ประกัน 3 ปี การันตี 20 วัน
TESTER LAN With USB สีน้ำเงิน รายละเอียดสินค้า - ใช้สำหรับทดสอบการเชื่อมต่อของสายนำสัญญาณในระบบเครือข่าย - ตรวจสอบข้อผิดพลาดในการเดินสาย 5E, 6E, คู่สายและสายโทรศัพท์ - ค้นหาจุดที่ผิดพลาดในการเดินสายแลน หรือการเชื่อมต่อระบบเน็ตเวิร์ค - รองรับการทดสอบสายแลน UTP / STP / T568A / T568B / Token Ring - รองรับการทดสอบสายโทรศัพท์ RJ-45, RJ-11, RJ-12 วิธีการใช้งานเบื้องต้น เครื่องทดสอบสาย GLINK Network Cable Tester 1. เบื้องต้นตัวเครื่องจะมีสวิตช์ด้านหน้าอยู่สองปุ่ม - สวิตช์แรก POWER ON-OFF เป็นสวิตช์ที่ใช้เปิด-ปิดตัวเครื่อง - สวิตช์ที่สอง TEST ON-OFF เป็นสวิตช์ที่กดเพื่อเริ่มทดสอบ-หยุดทดสอบ 2. เมื่อเราเปิดเครื่องทดสอบแล้วนำสายที่ต้องการจะทดสอบ มาเสียบที่เครื่องทดสอบทั้งสองข้างเรียบร้อย 3. หลังจากนั้นเริ่มการทดสอบโดยกดปุ่ม TEST ON-OFF 4. แล้วดูผลทดสอบจากสถานะหลอดไฟ LED ซึ่งหลอดไฟของเครื่องทดสอบนี้ จะเป็นแบบสองสีในหลอดเดียว คือ สีเขียวกับสีแดง 5. ไฟแสดงสถานะการทำงาน มีดังนี้ - หลอดไฟแสดงสีเขียว - สถานะปกติ คือขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกันไม่ขาดและไม่ช็อต - หลอดไฟแสดงสีแดง - สถานะผิดปกติ คือช็อตหรือขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกันแต่ไม่ถูกคู่สาย ต้องแก้ไข - หลอดไฟไม่ติด - สถานะสายขาด คือขั้วต่อหัวท้ายต่อไม่ถึงกันไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม ต้องแก้ไข 6. หลอดไฟที่เขียนว่า GND เป็นหลอดที่ใช้ในการทดสอบสาย STP - หลอดไฟไม่ติด - สถานะสาย UTP (ปกติ) - หลอดไฟติดสีเขียว - สถานะสาย STP (แต่ถ้าสายที่ทดสอบเป็นสาย STP แล้วไม่ติด แสดงว่า สายกราวด์ต่อไม่ถึงกันหัวท้าย ต้องแก้ไข) 7. เมื่อทดสอบดูสถานะหลอดไฟแล้ว สุดท้ายต้องดูการเรียงลำดับของหลอดไฟ - ถ้าหลอดไฟติดเรียงกันไปตามลำดับ เช่น 1&2 3&6 4&5 7&8 แสดงว่าเข้าหัวถูกต้อง ขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกัน - ถ้าหลอดไฟติดเรียงลำดับกระโดด เช่น 1&2 4&5 3&6 7&8 แสดงว่าต่อสายแบบไขว้ (Cross) นั้นเอง - ถ้าหลอดไฟติดนอกเหนือกว่านี้ แสดงว่าเข้าหัวผิด 8. นอกจากนี้ยังนำเครื่องไปทดสอบกับสายโทรศัพท์ที่ใช้หัวต่อ RJ11, RJ12 ได้อีกด้วย แต่หลอดไฟบางหลอดจะหายไปตามจำนวนสายที่เหลือ เช่น RJ11 สาย 4 เส้นจะเหลือแค่ 3&6 4&5 เป็นต้น
TESTER LAN With USB สีน้ำเงิน
รายละเอียดสินค้า
- ใช้สำหรับทดสอบการเชื่อมต่อของสายนำสัญญาณในระบบเครือข่าย
- ตรวจสอบข้อผิดพลาดในการเดินสาย 5E, 6E, คู่สายและสายโทรศัพท์
- ค้นหาจุดที่ผิดพลาดในการเดินสายแลน หรือการเชื่อมต่อระบบเน็ตเวิร์ค
- รองรับการทดสอบสายแลน UTP / STP / T568A / T568B / Token Ring
- รองรับการทดสอบสายโทรศัพท์ RJ-45, RJ-11, RJ-12
วิธีการใช้งานเบื้องต้น เครื่องทดสอบสาย GLINK Network Cable Tester
1. เบื้องต้นตัวเครื่องจะมีสวิตช์ด้านหน้าอยู่สองปุ่ม
- สวิตช์แรก POWER ON-OFF เป็นสวิตช์ที่ใช้เปิด-ปิดตัวเครื่อง
- สวิตช์ที่สอง TEST ON-OFF เป็นสวิตช์ที่กดเพื่อเริ่มทดสอบ-หยุดทดสอบ
2. เมื่อเราเปิดเครื่องทดสอบแล้วนำสายที่ต้องการจะทดสอบ มาเสียบที่เครื่องทดสอบทั้งสองข้างเรียบร้อย
3. หลังจากนั้นเริ่มการทดสอบโดยกดปุ่ม TEST ON-OFF
4. แล้วดูผลทดสอบจากสถานะหลอดไฟ LED ซึ่งหลอดไฟของเครื่องทดสอบนี้ จะเป็นแบบสองสีในหลอดเดียว คือ สีเขียวกับสีแดง
5. ไฟแสดงสถานะการทำงาน มีดังนี้
- หลอดไฟแสดงสีเขียว - สถานะปกติ คือขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกันไม่ขาดและไม่ช็อต
- หลอดไฟแสดงสีแดง - สถานะผิดปกติ คือช็อตหรือขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกันแต่ไม่ถูกคู่สาย ต้องแก้ไข
- หลอดไฟไม่ติด - สถานะสายขาด คือขั้วต่อหัวท้ายต่อไม่ถึงกันไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม ต้องแก้ไข
6. หลอดไฟที่เขียนว่า GND เป็นหลอดที่ใช้ในการทดสอบสาย STP
- หลอดไฟไม่ติด - สถานะสาย UTP (ปกติ)
- หลอดไฟติดสีเขียว - สถานะสาย STP (แต่ถ้าสายที่ทดสอบเป็นสาย STP แล้วไม่ติด แสดงว่า สายกราวด์ต่อไม่ถึงกันหัวท้าย ต้องแก้ไข)
7. เมื่อทดสอบดูสถานะหลอดไฟแล้ว สุดท้ายต้องดูการเรียงลำดับของหลอดไฟ
- ถ้าหลอดไฟติดเรียงกันไปตามลำดับ เช่น 1&2 3&6 4&5 7&8 แสดงว่าเข้าหัวถูกต้อง ขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกัน
- ถ้าหลอดไฟติดเรียงลำดับกระโดด เช่น 1&2 4&5 3&6 7&8 แสดงว่าต่อสายแบบไขว้ (Cross) นั้นเอง
- ถ้าหลอดไฟติดนอกเหนือกว่านี้ แสดงว่าเข้าหัวผิด
8. นอกจากนี้ยังนำเครื่องไปทดสอบกับสายโทรศัพท์ที่ใช้หัวต่อ RJ11, RJ12 ได้อีกด้วย แต่หลอดไฟบางหลอดจะหายไปตามจำนวนสายที่เหลือ เช่น RJ11 สาย 4 เส้นจะเหลือแค่ 3&6 4&5 เป็นต้น
ถูกกว่า 190.00 บาท
เฉพาะซื้อออนไลน์ผ่านทุกช่องทาง
บัตรเครดิต
QR Code
เก็บเงินปลายทาง
ธนาคาร / ATM